คุณอดิศักดิ์ พยัฆวรรณ์ ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานจนได้รับรางวัลชนะเลิศหลายรายการ ในการดูแลลูกสุนัข คุณอดิศักดิ์ แนะนำว่า เมื่อแรกเกิด ต้องให้ลูกสุนัขได้อยู่กับแม่เพื่อให้ได้รับนมน้ำเหลือง ซึ่งมีคุณค่าสูง มีภูมิต้านทานโรคต่าง ๆ ให้แก่ลูกสุนัข โดยที่ ผู้เลี้ยงดูจะให้อาหารเสริมแก่แม่สุนัข เพื่อให้แม่สุนัขแข็งแรง สามารถผลิตน้ำนมให้ลูกอย่างเพียงพอและ ยังช่วยให้แม่สุนัข ไม่โทรมอีกด้วย นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงสุนัขจะต้องล้างทำความสะอาด ถ้วยน้ำ ถ้วยอาหาร และคอกให้สะอาดอยู่เสมอ หากอากาศหนาวเย็น ควรจะติดไฟหลอดไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ลูกสุนัข เมื่อลูกสุนัขอายุได้ประมาณ 25 วัน จะให้ยาถ่ายพยาธิ ซึ่งพยาธิอาจส่งผ่านจากแม่มาทางน้ำนม หรือยุงที่กัดลูกสุนัขได้ และเมื่ออายุได้ 45 วัน ก็จะเริ่มทำวัคซีนรวม เข็มแรก เพื่อให้ลูกสุนัขได้รับภูมิต้านทาน โรคเพิ่มขึ้น อีก 2 สัปดาห์จึงจะทำวัคซีนเข็มที่ 2 และเข็มที่ 3 จะฉีดให้ในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป เมื่อลูกสุนัขอายุได้ 3 เดือน ก็จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ลูกสุนัขจะเริ่มหย่านมและกินอาหารเองเมื่ออายุได้ประมาณ 30 วัน ซึ่งผู้เลี้ยงจะให้นมเสริม รวมกับหัวอาหารและกล้วย ปั่นเข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกสุนัขกินได้ง่ายและท้องไม่ผูก การฝึกและเลี้ยงดูสุนัขโต สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน เป็นสายพันธุ์ที่ชอบวิ่งออกกำลังกาย จึงควรให้สุนัขได้มีการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน โดยจะให้สุนัขได้วิ่งวันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที ในช่วงเช้าจะเริ่มเวลา 07.00 น. และช่วงบ่าย จะเริ่มเวลา 13.30 น. หากเป็นสุนัขที่ต้องการฝึกเข้าประกวด ก็จะเพิ่มเติมในการเช็ดตัว เตรียมตัว แต่งตัว และยืนบนโต๊ะเตรียมโพสท่าสำหรับการประกวด เมื่อใกล้ถึงวันประกวด สุนัข ก็จะฝึกให้นอนในกล่องเพื่อให้สุนัขมีความเคยชินและไม่รู้สึกตื่นเต้นเมื่อต้องเดินทางและเข้าสนามประกวด อาหารที่ให้สุนัขกิน ได้แก่ ข้าว หัวอาหาร (อาหารเม็ด) ต้มกระดูกไก่ ไข่ นม บางทีก็ให้ปลากระป๋อง เพื่อเปลี่ยนรสชาติไม่ให้สุนัขรู้สึกซ้ำซาก การดูแลรักษาสุขภาพ สุนัขไทยหลังอานเป็นสุนัขที่ขนสั้นเกรียน เมื่อโดนยุง หรือแมลงกัดจะทำให้เกิดเม็ดตุ่มสีแดงทำให้ผิวหนังไม่สวย นอกจากนี้ยุงยังเป็นพาหะ ของพยาธิต่าง ๆ ที่จะเข้าสู่กระแสเลือดของสุนัขได้ ต้องฉีดยาฆ่าพยาธิให้เดือนละ 1 ครั้ง เพราะนอกจากช่วยในการฆ่าพยาธิแล้ว ยังสามารถกำจัดเห็บ หมัด ที่มากัดกินเลือดได้อีกทางหนึ่ง.
ที่มา และ ภาพประกอบ : เดลินิวส์ ออนไลน์