ไม่ว่าเราจะใส่ใจดูแลปลามังกรตัวโปรดอย่างดีเพียงใด ก็ยังมีโอกาสที่ปลาอะโรวาน่าจะต้องประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ โรคใดโรคหนึ่งในสารพัดโรคต่อไปนี้ ซึ่งสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเลี้ยงปลาอะโรวาน่า บทความต่อไปนี้ ศึกษาไว้ไม่เสียประโยชน์แน่นอน
โรคเหงือก
เป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตที่ชอบเกิดกับปลาอะโรวาน่า ผู้เลี้ยงปลาอะโรวาน่าที่มีประสบการณ์ไม่มากพอจะมีโอกาสพบเจอกับโรคเหงือกมากกว่า 80% สาเหตุของโรคเหงือมีที่มาไม่แน่นอน แต่ส่วนมากจะมาจากคุณภาพน้ำไม่ดี ค่า pH สูงหรือต่ำเกินไป ตู้ปลาขาดการดูแล ของเสียเยอะ ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ออกซิเจนภายในตู้ไม่เพียงพอ และอุณหภูมิน้ำสูงหรือต่ำเกินไป
โรคนี้ถ้าเกิดขึ้นแล้วรักษาให้หายยากอีกด้วย ถ้าเป็นระยะแรกๆ ก็พอแก้ไขได้ แต่หากเป็นหนัก ๆ บางกรณีอาจต้องถึงกับทำศัลยกรรม หรือยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่สามารถรักษาได้ เป็นรอยตำหนิตลอดไป ซึ่งโรคเหลือที่ว่านี้มี 4 แบบ คือ เหงือกอ้า (หรือเหงือกบาน) เหงือกหุบ เหงือกพับ และเหงือกบุ๋ม
โรคตาตก
เกิดจากมีไขมันในเบ้าตาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ดันลูกตาตกลงมา สาเหตุหลัก ๆ ที่พอสันนิษฐานได้ของโรคนี้ คือ
1. การให้อาหารประเภทไขมันมากเกินไป
2. การให้เหยื่อประเภท "กุ้งฝอย" สาเหตุนี้เกิดตรงที่เวลาปลามองหากุ้งก็จะมองที่บริเวณพื้นตู้ สอดส่วยไปมาทั่วตู้ นานเข้า ก็ทำให้เกิดอาการตาตกได้
3. ส่วนสาเหตุสุดท้ายก็คือ จากกรรมพันธุ์ ปลามังกรที่ตาตกจากกรรมพันธุ์ มักมีอาการตั้งแต่เล็กคือ 6 นิ้วก็เห็นอาการแล้ว
โรคเกล็ดพอง
โรคนี้ส่วนมากเป็นในปลาเล็กขนาดไม่เกิน 8 นิ้ว โดยมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากน้ำสกปรก มีค่าของเสียมาก และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลัน ลักษณะอาการก็คือ "เกล็ดจะเปิดอ้าออก" โรคนี้ถือเป็นโรคอันตรายที่อาจทำให้ปลามีโอกาสตายสูง
โรคแผลอักเสบ
โดยปกติแล้วแผลอักเสบมักจะเป็นที่บริเวณใต้เกล็ดปลา โดยสังเกตได้จากจะมีรอยจ้ำเลือดแดง ๆ หรือมีสีน้ำตาลคล้ำ อาการส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อในซอกเกล็ดปลา
โรคหนวดปลาหมึก
โรคนี้แม้จะไม่อันตรายนัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นโรคยอดฮิตติดอันดับ โดยมีลักษณะคือ ที่หนวดของปลาจะหงิกงอและมีตุ่มขึ้น ซึ่งดูโดยรวมแล้วเหมือน "หนวดปลาหมึก" สาเหตุสำคัญของโรคนี้ก็คือ ตู้สกปรกมีคราบเปื้อนมาก ปลามี่มีนิสัยชอบเล่นหน้าตู้โดยใช้ปากถูกไถกับตู้เป็นประจำ ประกอบกับตู้สกปรก จึงทำให้เกิดการติดเชื้อจนมีอาการดังกล่าวด้วย
โรคเกล็ดกร่อน
โรคนี้มีสาเหตุมารจากในน้ำมีเชื้อโรค และเชื้อดังกล่าวจะค่อย ๆ ไปกัดกินเกล็ด ทำให้เกล็ดปลาดูเหมือนบิ่น แตกหัก หรือเสียรูปไป โรคนี้แม้ไม่ได้ทำอันตรายกับตัวปลาโดยตรง แต่ถ้าหากปล่อยไว้นานเข้า เกล็ดก็จะถูกกัดกร่อนลงไปเรื่อย ๆ
โรคเชื้อรา
เป็นโรคยอดฮิตอีกโรคหนึ่ง ถือว่าเป็นกันบ่อย และจะแสดงออกโดยมี "รอยด่าง" หรือ "เปื่อย" ตามจุดต่าง ๆ เชื้อราแม้อาจไม่รุนแรงทำให้ปลาถึงตาย แต่ก็ส้างความรำคาญให้ปลาไม่น้อย ถ้าเป็นหนักเข้า อาจมีโรคแทรกซ้อนเข้ามาติดเชื้อแล้วลุกลามเข้าไปใหญ่ จนท้ายสุดก็อาจถึงตายได้
โรคตาขุ่น
โรคตาขุ่นมาจาก 2 สาเหตุสำคัญคือ ติดเชื้อจากกรณีตาบาดเจ็บ (อาจจากรอยขีดข่วนหรือถูไถกับอุปกรณ์บางอย่างภายในตู้) และน้ำสกปรกเกินไป มีคราบของเสียภายในตู้เป็นจำนวนมาก ปริมาณออกซิเจนในตู้มีน้อยเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุเช่นกัน โรคตาขุ่นจะมีลักษณะแก้วตาเป็นสีขาวขุ่น ๆ ไม่เห็นลูกตาดำ
โรคริดสีดวง
ลักษณะของโรคนี้ก็คือจะมี "ติ่งสีชมพูอมแดง" ยื่นออกมาจากช่องทวาร ทำให้การขับถ่ายของปลาเป็นไปอย่างลำบาก สาเหตุของริดสีดวงเกิดจากระบบขับถ่ายของตัวปลาไม่ดี และเมื่อกินอาหารชิ้นใหญ่หรือประเภทย่อยยากไปมาก ๆ ก็ทำให้ระบบขับถ่ายมีปัญหา ผลจึงเกิดเป็นติ่งริดสีดวง
โรคจุดขาว
โรคนี้เป็นโรคที่คนเลี้ยงปลาสวยงามคุ้นเคยกันดี สำหรับสาเหตุของโรคนี้ในปลาอะโรวาน่านั้น มักมาจากเพื่อนร่วมตู้หรือปลาเหยื่อ อาการของโรคจุดขาวจะมีลักษณะเป็นจุดขาว ๆ ขึ้นตามเกล็ดและครีบส่นต่าง ๆ ถ้าหากปลาของเราเริ่มที่จะมีอาการนี้ ให้แยกปลาอื่นที่น่าสงสัยออกไป แล้วทำการรักษาทั้งอะโรวาน่า และปลาเหยื่อเพื่อนร่วมตู้
ทั้ง 10 โรคที่ยกมา ล้วนเป็นโรครที่นิยมเกิดกับปลาอะโรวาน่า ซึ่งหากพิจารณาถึงปัจจัยของการเกิดโรคทุกโรคนั้น ผู้เลี้ยงดูจะเป็นปัจจัยแห่งการเกิดโรคภัยต่าง ๆ ขึ้นกับปลากมาที่สุด โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยง ขาดการดูแลเอาใจใส่ ส่วนสาเหตุจากตัวปลามีน้อยมาก ดังนั้น หากผู้เลี้ยงให้ความสำคัญในการเลี้ยงดู โอกาสที่ปลาอะโรวาน่าตัวโปรดจะเกิดโรคภัยมาบั่นทอนให้ชีวิตสั้นลงนั้นก็จะเกิดขึ้นได้ยาก
ที่มา : ข่าวโลกสัตว์เลี้ยง , Kapook.comภาพประกอบ : majesticarowana.com