จริงอยู่การปลูกมะม่วงของ ชาวสวนมะม่วงไทยในเชิงพาณิชย์ปัจจุบันนี้ แทบทั้งหมดจะปลูกพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองเนื่องจากผลิตเพื่อการส่งออกเกือบทั้งหมด โดยมีการส่งไปขายในรูปแบบของผลสด, แช่แข็ง,ดายฟรีซ ฯลฯ เป็นที่สังเกตว่าพื้นที่ผลิตมะม่วง น้ำดอกไม้สีทองเพื่อการส่งออกหลัก ๆ จะอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา, นครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์, อุดรธานี, พิจิตร ฯลฯ ยังมีการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเติมขึ้นอีกมากโดยเกษตรกรไม่มีการตรวจสอบเรื่องการตลาดในอนาคตให้ดีเสียก่อน ในขณะที่มีเกษตรกรบางรายปลูกมะม่วงหลายสายพันธุ์สุดท้ายได้เปลี่ยนยอดเป็นมะม่วงพันธุ์อาร์ทูอีทูทั้งสวน เพราะมีพ่อค้ามารับซื้อเพื่อการส่งออกทั้งหมดและได้ราคาดีไม่แพ้มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง อีกทั้งมีราคาดีตลอดฤดูกาลแม้จะเป็นช่วงที่มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองมีราคาตกต่ำในช่วงที่ผลผลิต ออกสู่ตลาดมาก ๆ หลายคนยังไม่ทราบว่ามะม่วงพันธุ์อาร์ทูอีทูเป็นมะม่วงของประเทศออสเตร เลียที่ปลูกและให้ผลผลิตได้ในประเทศไทย แต่เป็นสายพันธุ์ที่บังคับให้ออก นอกฤดูได้ยากกว่าพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองแม้จะมีการใช้สาร ราด เพื่อบังคับก็ตาม แต่มีจุดเด่นตรงที่ ถ้าออกดอกแล้วช่อดอกใหญ่และดอกสมบูรณ์เพศทำให้ มีการติดผลได้ง่าย มาก
หรืออาจจะกล่าว ง่าย ๆ ว่าถ้าออกดอกแล้ว โอกาสติดผลมีสูงมาก ในขณะที่พื้นที่ปลูกมะม่วงในประเทศออสเตรเลียเองจะมีการปลูกมะม่วงหลัก ๆ อยู่ 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์เคนซิงตัน ไพรด์และพันธุ์อาร์ทูอีทู ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าคนออสเตรเลียนิยมบริโภคมะม่วงพันธุ์เคนซิง ตัน ไพรด์ มากที่สุด ผลผลิตมะม่วงสายพันธุ์นี้มีผลผลิตเฉลี่ยประมาณปีละ 1.65 ล้านกิโลกรัม มีผลผลิตในแต่ละปีมากกว่ามะม่วงอาร์ทูอีทูที่ปลูกในออสเตรเลียหลายเท่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักมะม่วงสายพันธุ์นี้ทั้งที่จัดเป็นมะม่วงที่มีเนื้อละเอียดและรสชาติอร่อย ไม่มีกลิ่น ขี้ไต้และสามารถปลูกให้ผลผลิตดีในประเทศไทย ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร ซึ่งได้ยอด พันธุ์มาจากประเทศออสเตรเลีย ที่ผ่านมาได้มีการบังคับให้มะม่วงเคนซิงตัน ไพรด์ออกดอกและติดผลนอกฤดู ผลปรากฏว่าเป็นพันธุ์ที่ตอบสนองดีเหมือนกับมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองและให้ผลผลิตดกมาก มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 300 กรัมต่อผล
ในอนาคตมะม่วงพันธุ์เคนซิงตัน ไพรด์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์มะม่วงที่ปลูกมากที่สุดในออสเตรเลียจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการส่งออกมะม่วงไทยเพราะตอบสนอง ต่อการบังคับให้ออกนอกฤดู.
ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์