พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ในวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493 ณ วังสระปทุม และในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และทรงเฉลิมพระบรม ราชอิสริยยศเป็นพระเจ้าแผ่นดินของเมืองไทย โดยเต็มบริบูรณ์ พระสัจวาจาที่ทรงเปล่งในระหว่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม จึงเป็นพระปฐมบรมราชโองการ คือ พระบรมราชโองการพระองค์แรกในรัชกาลปัจจุบัน จากนั้นเป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินเคียงคู่เพื่อเรียนรู้ราษฎรของพระองค์ พร้อมกับพระราชทานความช่วยเหลือและเป็นกำลังใจอย่างใกล้ชิดให้แก่ราษฎรที่ได้รับความทุกข์เข็ญตลอดมา ทั้งสองพระองค์ทรงศึกษาปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร พร้อมมีพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์อย่างต่อเนื่อง เหตุแห่งความทุกข์ยากของราษฎรส่งผลให้เกิดแนวพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่งบนผืนแผ่นดินไทย อันเป็นที่มาของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของทั้งสองพระองค์ จวบจนปัจจุบันมีมากกว่า 4,000 โครงการ นับตั้งแต่การแก้ปัญหาทั้งสาธารณสุข การศึกษา ทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า อาชีพ การคมนาคมและพลังงานทดแทน โดยพระองค์ทรงคำนึงถึงลักษณะของภูมิประเทศ และภูมิสังคม สภาพแหล่งน้ำ ความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ ประชาชนที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบจากโครงการมาเป็นหลักและแนวทางในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือและชี้แนะแนวทางในการคลายทุกข์ให้บรรเทาลงได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันสมเด็จพระนางเจ้าฯพระ บรมราชินีนาถ ทรงเรียนรู้งานพัฒนาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอันเป็นการเสริมสร้าง และขยายผลงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างต่อเนื่องมากมายหลายโครงการ ดังพระราชดำรัสที่ว่า พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า
โครงการป่ารักน้ำในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเป็นโครงการที่มุ่งอนุรักษ์ป่าที่เหลืออยู่ในประเทศไทยและมีการปลูกป่าทดแทนป่าที่ถูกทำลายไป ด้วยป่าเป็นแหล่งต้นกำเนิดของทรัพยากรธรรมชาติ เมื่อมีป่าก็จะมีแหล่งน้ำสร้างชีวิตที่เป็นสุขให้แก่ราษฎร เมื่อปี 2547 เป็นต้นมา ได้เกิดความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ สูญเสียสมาชิกในครอบครัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมิได้ทรงทอดทิ้งประชาชนของพระองค์ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ พระราชทานความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังปรากฏอยู่เสมอ ๆ ว่าทั้งสองพระองค์ยังได้ทรงรับคนไข้ผู้ยากไร้ หรือผู้ทำคุณความดี ไว้เป็นคนไข้ใน พระราชานุเคราะห์ ทั้งที่เป็นผลมาจากความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ และเหตุการณ์ความไม่สงบจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันทางด้านการเมืองของผู้คนในชาติ โดยที่มิได้แบ่งแยกแต่ประการใด ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นพสกนิกรในพระองค์หากจะต้องประสบความเดือดร้อนจะมิทรงรอช้าที่จะพระราชทานความช่วยเหลือ ทรงเป็นพระมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยมาตราบนานแสนนาน การพัฒนาประเทศเป็นพระราชภาระที่ยิ่งใหญ่ที่ทรงแบกรับไว้ ดังคำมั่นสัญญาที่ได้พระราชทานไว้ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม และในวันนี้ทรงสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชน ชุมชน สังคม และประเทศมาอย่างต่อเนื่องและมิเคยย่อท้อ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม สร้างความกินดีอยู่ดีของราษฎรและความมั่นคงของประเทศจนเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศและได้รับการขนานนามพระองค์ว่า กษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ที่สร้างสุขให้แก่ราษฎรในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศได้สัมฤทธิผลและมีการขยายผลออกไป โดยมีสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เป็นหน่วยงาน กลางในการประสานและสนับสนุนการดำเนินงานหน่วยงานต่าง ๆ ในการสนองพระราชดำริเพื่อให้แนวพระราชดำริก่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชน สูงสุด ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริคือตัวอย่างของความสำเร็จจากการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ที่เป็นการบูรณาการการทำงานและเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จที่ประชาชนจะเข้ามาเรียนรู้และนำรูปแบบผลสำเร็จไป ประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของตนเองต่อไป โดยราษฎรทั่วประเทศสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ถึง 6 แห่ง ทั้งสองพระองค์ทรงอาทรห่วงใยราษฎรยิ่งนัก นํ้าพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตาจาก การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรเสมอมิได้ขาด แม้จะอยู่ในท้องถิ่นอันทุรกันดาร ทั้งนี้เพื่อทรงทราบทุกข์สุขจากปากคำของราษฎรด้วยพระองค์เองเสมอมา แม้ยามทรงพระประชวร พระองค์ก็ยังทรงงานเพื่อติดตามความคืบหน้าและพระราชทานพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ไขปัญหานั้น ๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยพระราชกรณียกิจอันเปี่ยมล้นไปด้วยพระเมตตาต่ออาณาประชาราษฎร์ และพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ที่ทรงปฏิบัติต่อเนื่องกันมา ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชวิริยอุตสาหะอันแรงกล้า ที่จะทำให้ราษฎรของพระองค์ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นับเป็นพระเมตตาบารมีอันหาที่สุดมิได้ เป็นเวลากว่า 60 ปี ที่เพียงพอแก่การกล่าวได้ว่าไม่มีธารน้ำใดในแผ่นดินไทยที่พระบาทแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มิเคยเสด็จฯลุยข้าม ไม่มีหยาดพระเสโทใดของพระองค์ที่ไม่หลั่งไหลเพื่อความสุขของปวงชนชาวไทยทั้งแผ่นดิน เมื่อรอยพระยุคลบาทยาตราผ่านดินแดนใด ดินแดนนั้นย่อมเป็นสุขด้วยพระบารมี และนี่คือ 2 วันสำคัญสำหรับพสกนิกรชาวไทยในปีพุทธศักราช 2553 ซึ่งมีคุณค่ายิ่งที่จะได้หลอมรวมดวงใจของชาวไทยทั้งชาติ ได้สำนึกและจดจำไว้ในหัวใจคนไทยทุกดวง พร้อมกับร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติทั้งสองพระองค์ที่ทรงผสานสร้างความสมบูรณ์ร่มเย็นและสร้างสุขให้แก่คนไทยทั้งปวง.
tidtangkaset@dailynews.co.th
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์