กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศประจำเดือนพฤษภาคม 2553 ไว้ว่าลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดพาความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นและโดย ทั่วไปเดือนนี้อยู่ในช่วงต้นฤดูฝน โดยในระยะ ครึ่งแรกของเดือนร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ซึ่งจะทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ จากนั้นร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่าน ประเทศจีนตอนใต้ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมจะอ่อนกำลังลง ซึ่งจะทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลง คาดว่าปริมาณฝนโดยเฉลี่ยในเดือนนี้จะต่ำกว่าค่าปกติ ที่สำคัญ ในเดือนนี้อาจมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก และอาจเคลื่อนตัวผ่านประ เทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ ซึ่งในช่วงดังกล่าวมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง เป็นผลให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก และในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือน กันยายนของทุกปีปริมาณน้ำในแม่น้ำลำคลองหลายแห่งจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากฝนที่ตกหนักทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง ซึ่งชาวประมง เรียกช่วงนี้ว่า ฤดูน้ำแดง จากที่ฝนได้ชะล้างหน้าดิน และพัดเอาตะกอนธาตุอาหารต่าง ๆ ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไปกระตุ้นให้ปลาน้ำจืดผสมพันธุ์และวางไข่
จากเหตุผลดังกล่าว ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ออกประกาศห้ามทำการประมงในน่านน้ำจืดทั่วประเทศ ในช่วงระหว่างวันที่ 16 พ.ค. -15 ก.ย. 2553 เพื่อสงวนพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่กำลังมีไข่และวางไข่เลี้ยงลูกไม่ให้ถูกทำลายมากเกินไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพพื้นที่และสภาพภูมิอากาศในบางพื้นที่ของประเทศมีความแตกต่างกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงประกาศให้บางจังหวัดมีการคุ้มครองปลาน้ำจืดมีไข่แตกต่างกันไป คือ จ.นครนายก พังงา ระหว่างวันที่ 1 พ.ค.- 31 ส.ค. จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.- 30 ก.ย. จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันที่ 16 มิ.ย. - 15 ต.ค. จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 1 ก.ย.-31 ธ.ค. จังหวัดพัทลุง ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. - 31 ม.ค. ทั้งนี้หากมีผู้ฝ่าฝืนตามประกาศดังกล่าว ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับเครื่องมือที่อนุญาตให้ทำประมงได้ เป็นเครื่องมือบางชนิดที่ไม่ทำลายพันธุ์สัตว์น้ำอย่างรุนแรงตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบด้วย เบ็ดทุกชนิด ยกเว้นเบ็ดราว ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และชนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร ทั้งนี้ เครื่องมือดังกล่าวห้ามมิให้ทำการประมงด้วยวิธีประดาตั้งแต่สามเครื่องมือขึ้นไป ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน โปง และโทง และการทำประมงในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
พร้อมกันนี้ทางกรมประมงยังได้ดำเนินการควบคุม ป้องกัน ตรวจติดตามและเฝ้าระวังการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำจืดในพื้นที่แหล่งน้ำจืดทั่วประเทศ และเปิดโอกาสให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และหวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำ ในท้องถิ่นของตนเอง โดยการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรประมง และอาสาสมัครอนุรักษ์สัตว์น้ำ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมเฝ้าระวังกับของเจ้าหน้าที่กรมประมงในการดูแล และแจ้งเบาะแสการทำประมงที่ผิดกฎหมาย พร้อมกันนี้กรมประมงยังได้ผลิตพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อการอนุรักษ์ ด้วยการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ น้ำ ด้วยการควบคุมเครื่องมือทำการประมง การดูแลและเพิ่มความเข้มงวดในช่วงฤดูปลาน้ำจืดมีไข่ วางไข่และเลี้ยงตัววัยอ่อน รวมไปถึงการปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชนได้ตระหนักและเข้าใจถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อรักษาไว้ใช้อย่างยั่งยืนต่อเนื่องทุกปี อธิบดีกรมประมงกล่าว.
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์