นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร. ) เปิดเผยในการประชุมโครง การอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ตลอดเวลากว่า 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สำนักงาน กปร.รับผิดชอบในขณะนี้กว่า 4,000 โครงการ จนถึงทุกวันนี้ พระองค์ก็ยังทรงห่วงใย และยังทรงติดตามการดำเนินงานของโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงาน กปร.ได้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในแต่ละภูมิภาคทูลเกล้าฯ เพื่อให้ทรงรับทราบเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีปัญหาในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนและได้มีฎีกาทูลเกล้าฯ ถวายขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำหรือเรื่องการประกอบอาชีพ อื่น ๆ พระองค์ทรงติดตามและพระราชทานความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและนับเป็นความโชคดี ของสำนักงาน กปร. ที่ได้รับความร่วมมือในการประสานงานเพื่อดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีตลอดมา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วงานเหล่านี้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ในด้านของแผนการดำเนินงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่อจากนี้ จะมีการเน้นเพื่อให้งานในโครงการก่อเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างสูงสุด โดยเฉพาะในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีอยู่ 6 แห่งทั่วภูมิภาค โดยผลการศึกษาของแต่ละศูนย์นั้น จะเป็นความรู้ที่นำไปส่งเสริมให้กับประชากรเป้าหมายและมีการสาธิตไว้ในพื้นที่ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ประชากรที่อยู่ในหมู่บ้านรอบ ๆ พื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯจะเป็นประชากรเป้าหมายกลุ่มแรกที่จะได้รับประโยชน์ คือ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องงานส่งเสริมจะนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาในศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ที่ได้ผลดีไปแนะนำให้กับเกษตรกรหมู่บ้านเป้าหมาย ซึ่งก่อนนี้เรียกว่า หมู่บ้านบริวาร แต่ปัจจุบันได้เรียกว่า หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ แต่ละศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ จะมีประชากรหมู่บ้านรอบศูนย์ฯตั้งแต่ 10-25 หมู่บ้าน เมื่อการส่งเสริมให้หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ ได้ ผลในระดับหนึ่งแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นหมู่บ้านตัวอย่างให้เกษตรกรพื้นที่อื่น ๆ ที่ ห่างออกไปได้เข้ามาศึกษาและดูงานจากการปฏิบัติจริงจากการบอกเล่าของเกษตรกรด้วยกันเอง ทั้ง นี้การขยายผลการส่งเสริมของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ จะสามารถขยายขอบเขตกว้างขวางออกไปเรื่อย ๆ ตามสภาพภูมิสังคมที่เป็นตัวแทน ของแต่ละภูมิภาคนั้น ๆ ตามพระราชประสงค์ที่ได้ พระราชทานไว้ในการที่ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาได้ ทำหน้าที่ในการเป็นต้นแบบการพัฒนาที่สำเร็จแล้วได้ขยายผลไปสู่ราษฎร ได้นำไปประยุกต์ ใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป โครงการที่ดำเนินการศึกษาวิจัยและทดลองในศูนย์ศึกษาการพัฒนาทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ เพื่อหาข้อสรุปและผลงานที่สามารถปฏิบัติได้จริงมากว่า 30 ปี มีเรื่องที่ได้ผ่านการศึกษาทดลองจนสมบูรณ์แล้วกว่า 1,000 โครงการทางสำนักงาน กปร. และศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 6 แห่ง ได้คัดเลือกผลงาน ที่ดีเด่นและชัดเจนแล้วในแต่ละภูมิภาคออกมา ซึ่งภาคหนึ่ง ๆ จะมีประมาณ 20 กว่าเรื่อง และใน 20 กว่าเรื่องนี้จะให้ประชาชนได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้แล้วนำไปขยายผลในพื้นที่ของตนเองต่อไป นาย สุวัฒน์ กล่าว รองเลขาธิการ กปร. กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในขณะนี้ สำนักงาน กปร. ได้ประสานความร่วมมือไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งมีศักยภาพในการเข้าถึงความต้องการของประชาชนและเป็นองค์กรหลักที่จะสามารถส่งเสริมขยายผลงาน ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาไปสู่ประชาชนได้อย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทางสำนักงาน กปร. จึงได้เชิญชวนองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นให้เข้าไปศึกษาหาความรู้แล้วนำไปต่อยอดสู่ประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา มีการตอบรับจากองค์การบริหารส่วนตำบลและประชาชนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้สำนักงาน กปร.ยังเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาแหล่งน้ำ ก็จะให้ประชาชนในพื้นที่โครงการ และที่ได้รับประโยชน์จากโครงการมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำขึ้น จากนั้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัด ทั้งเกษตรจังหวัด ชลประทานจังหวัด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น มีการประสานงานในการดำเนินการร่วมกันเป็น 3 ประสาน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างเต็มที่อีกด้วย.
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์