นายสวัสดิ์ วัฒนายากร องคมนตรี ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในโอกาสเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 6 เขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ว่า เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสกับ ผู้ที่เกี่ยวข้องขณะนั้นว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชมีแม่น้ำปากพนังและลุ่มแม่น้ำ แต่ก่อนเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำเลี้ยงคนทั้งภาคใต้และยังส่งข้าวไปเลี้ยงประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย แต่บัดนี้ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมได้เปลี่ยนไป ลุ่มน้ำปากพนัง ที่เคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีพื้นที่ทำนาข้าวกว่า 400,000 ไร่ กลายเป็นนาร้าง ชาวนาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ทิ้งไร่ทิ้งนาเหลือแต่คนเฒ่าคนแก่ และก็ยากจนเพราะว่ามีปัญหาเรื่องน้ำเค็มรุกเข้าไปในแม่น้ำปากพนังจนถึงอำเภอชะอวด หน้าฝนมักจะมีน้ำท่วมเป็นประจำ หากนั่งเรือไปแม่น้ำปากพนังจะเห็นว่ามีโรงสีร้างมากมายริมแม่น้ำปากพนัง แต่รอบ ๆ โรงสีแทนที่จะเขียวชอุ่มไปด้วยนาข้าวเหมือนแต่ก่อน กลับเป็นนากุ้ง ก็หมายความว่า เมื่อน้ำเค็มรุกเข้าไปแล้วและราคากุ้งดีเกษตรกรก็เปลี่ยนอาชีพมาเป็นเลี้ยงกุ้งแทน เมื่อเลี้ยงกุ้งแล้วก็ทำนา ไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระราชดำริ ให้รีบดำเนินการพัฒนาโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังโดยเร็วที่สุด โดยได้ทรงวางโครงการอย่างละเอียดมาก เป็นที่มหัศจรรย์ในพระปรีชาสามารถมากในเรื่องการวางโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสอันดับแรกคือ ให้รีบทำประตูที่แม่น้ำปากพนังเพื่อควบคุมน้ำ พอหน้าแล้งไม่ให้น้ำเค็มรุกเข้ามาในแม่น้ำปากพนัง พอหน้าฝนให้จัดเก็บน้ำจืดเอาไว้ใช้ อย่างปีนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่า น้ำทะเลที่นอกประตูบริเวณแม่น้ำปากพนังสูงกว่าในแม่น้ำปากพนังถึง 1.50 เมตร ซึ่งหมายความว่าถ้าไม่มีประตูควบคุมน้ำ น้ำเค็มก็จะรุกไปถึงอำเภอชะอวด และมีรับสั่งว่า ความจริงการเลี้ยงกุ้งนี้ก็ทำรายได้ให้กับประเทศอย่าง มหาศาล เพราะฉะนั้นเราควรจะนำธรรมชาติสิ่งแวดล้อมกลับคืนมาสู่ลุ่มแม่น้ำปากพนัง โดยการแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจนในพื้นที่น้ำจืดกับพื้นที่น้ำเค็ม เช่น อำเภอหัวไทรมีคลองปากพนังและอยู่ใกล้ทะเล เป็นพื้นที่ที่เหมาะในการทำนากุ้ง ซึ่งจะสามารถ บริหารจัดการเรื่องน้ำเสียได้ โดยเอาน้ำดีจากทะเลเข้ามาหมุนเวียน เป็นระบบชลประทานน้ำเค็ม ส่วนพื้นที่น้ำจืดจัดทำคันกั้นให้ชัดเจน พร้อมสร้างคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ขึ้นมา ขณะนี้โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ดำเนินการมากว่า 17 ปี ได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะทางจังหวัดนครศรีธรรมราช และกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้ร่วมมือกันทำความเข้าใจกับราษฎร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาร่วมส่งเสริม อาชีพ ในพื้นที่น้ำจืดได้มีการส่งเสริมอาชีพในทุก ๆ ด้าน ด้านเลี้ยงกุ้งก็พัฒนาด้วย ขณะนี้เป็นที่น่ายินดีที่เกษตรกรได้กลับมาทำนากว่า 300,000 ไร่ ซึ่งเกือบเต็มพื้นที่ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้เป็นโครงการหนึ่งใน 4,000 กว่าโครงการของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนราษฎรเป็นเวลากว่า 60 ปี ในสมัยก่อนจะเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั้งปี โดยจะแปรพระราชฐาน ไปภาคต่าง ๆ เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตามเสด็จฯ ไปในทุกที่ที่ทุรกันดาร ที่ห่างไกล ราษฎรก็จะถวายรายงานถึงความทุกข์ยากในการทำมาหากินและการทำการเกษตร ปัญหาเรื่องดินเค็มดินเปรี้ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดแคลนน้ำ เพราะฉะนั้นใน 4,000 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก็มีกว่า 2,000 โครงการที่เกี่ยวข้องกับน้ำ การจัดหาแหล่งน้ำให้ราษฎรได้ใช้ทำกิน ทั้งอุปโภค บริโภคและการเกษตร ซึ่งได้ส่งผลให้ราษฎรอยู่ดีกินดีขึ้น ผมได้มีโอกาสทำงานสนองพระราช ดำริในปี 2529-2538 ช่วงที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน ได้เห็นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปในที่ที่ทุรกันดาร ทรงตรากตรำพระวรกายอย่างมาก ในหน้าแล้งจะเสด็จพระราชดำเนินไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสด็จฯ ไปในทุ่งนา ไปในพื้นที่ขรุขระ บางครั้งไม่มีเส้นทางรถต้องพระดำเนินเข้าไปในพื้นที่ที่มีความแห้งแล้งราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ หน้าฝนเสด็จฯภาคใต้ บ่อยครั้งขบวนเสด็จฯ ไปในที่ที่มีพายุ บางพื้นที่มีแต่โคลนตมในลำห้วย ก็ยังคงเสด็จพระราชดำเนินไปในที่ต่าง ๆ นั้น ผมคิดว่านี่เป็นเหตุผลที่ทรงพระประชวร ในขณะนี้ พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกายมาเป็นเวลายาวนาน เคยมีรับสั่งกับผมว่า ที่ราษฎรเขาทำมาหากินในที่ที่ทุรกันดารขาดน้ำ ดินไม่ดี ยากจนเช่นนี้ ไม่ใช่เขาอยากมาอยู่ที่นี้ ที่เขาต้องมาทำกินที่นี้เพราะเขาไม่มีที่จะไป ที่ฉันมาช่วยเขานี้ไม่ใช่มาช่วยตลอดไปนะช่วยให้เขาได้มีโอกาสได้ช่วยตัวเอง พระราชดำรัสนี้เอง ผมรู้สึกว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง และเป็นบุญอย่างเหลือล้นของประชาชนชาวไทยทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ที่มีพระมหากษัตริย์ที่เป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ใด ๆ ในโลก ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวในโลก ที่ทรงตรากตรำพระวรกาย โดยไม่คิดถึงความเหน็ดเหนื่อยหรือนึกถึงความสุขส่วนพระองค์ ทรงคิดค้นและหาหนทางทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือราษฎรของพระองค์อย่าง ต่อเนื่องตลอดมา เพื่อให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสุขในแผ่นดินไทย แผ่นดินที่สร้างสุขให้กับประชาชนใต้ร่มพระบารมี ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายสวัสดิ์ องคมนตรี กล่าว.
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์