คุณธนิฏฐา จงพีร์เพียร ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ศรฟ.) กรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ ศรฟ. ขึ้นเพื่อให้บริการต่อผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในการรับรองมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งและสัตว์น้ำจืดให้ได้ตามมาตรฐาน เบื้องต้นจะเปิดให้มีการรับรองในขอบข่าย กรอบแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสม สำหรับการจัดการโรงเพาะฟักและอนุบาลลูกกุ้งทะเลที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตลูกกุ้งที่มี คุณภาพด้วย การจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรมกุ้งทะเล เอกสารนี้มีไว้สำหรับให้เกษตรกรทราบแนวทางของเกณฑ์มาตรฐานโรงเพาะฟักและอนุบาลลูกกุ้งทะเลตามระบบโค้ดออฟ คอนดักท์ และระบบการผลิตที่ถูกต้องในฟาร์ม โดยพิจารณาตั้งแต่พื้นที่การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และการจัดการหลังเก็บเกี่ยวสำหรับปลานิล ตามมาตรฐานของกรมประมง โดยมี 7 หน่วยงานนำร่อง ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งฉะเชิงเทรา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลจังหวัดสมุทรสงคราม สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ น้ำชายฝั่งจังหวัดตรัง ศูนย์ศึกษาประมงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งนครศรีธรรมราช ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดชลบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรี กรมประมงจึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ของ ทั้ง 7 หน่วยงานนำร่องดังกล่าวยื่นคำขอรับการรับรองได้ที่ สถาบันฯ/ศูนย์ฯ/สถานีฯ ในสังกัดสำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง และสำนักวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด สถาบันวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ สำนักงานประมงจังหวัด และสำนักงานประมงอำเภอในพื้นที่ หรือสามารถยื่นคำขอรับการรับรองได้ที่ ศูนย์พัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยตรง ซึ่งผู้ประกอบการสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มคำขอรับการรับรองได้ที่ www. fisheries.go.th/thacert ใบรับรองมีระยะเวลา 2 ปี สำหรับผู้ประกอบการที่ใบรับรองฟาร์มของตนใกล้จะหมดอายุสามารถยื่นคำขอต่ออายุการรับรองก่อนใบรับรองฉบับเดิมหมดอายุอย่างน้อย 120 วัน ซึ่งศูนย์พัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2553 เป็นต้นไป ส่วนหน่วยงานกรมประมงที่เหลือทั้งหมดทั่วประเทศ จะเริ่มเปิดให้ยื่นคำขอได้ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2561-4679, 0-2579-7738 ในวันและเวลาราชการ.
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์