เมื่อวันก่อน นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมการผลิตยางคอมปาวด์ ยางแผ่นรมควัน และการรวบรวมน้ำยางสด ของกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ ตำบลธารน้ำทิพย์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีความเข้มแข็งในการดำเนินงานกลุ่มหนึ่งของพื้นที่ใต้สุดของประเทศไทย กลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้ราคายางพาราตกต่ำ โดยในปี 2550 ทางกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ จึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพารา โดยการผลิตยางคอมปาวด์เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาดโลกและมีราคาดีกว่ายางแผ่นรมควัน โดยเฉพาะประเทศจีนจะมีการเก็บภาษีนำเข้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 กลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ นับว่าเป็นกลุ่มเกษตรกรนำร่องที่ผลิตยางคอมปาวด์เพื่อการส่งออก ทำรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพาราเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2551 ทางกลุ่มได้ผลิตยางคอมปาวด์ส่งออกไปแล้ว กว่า 2,500 ตัน มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท สำหรับยางคอมปาวด์ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 54 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับยางแผ่นรมควันชั้น 3 จะอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 35-38 บาท สำหรับปี 2552 ประเทศจีนเริ่มมีการจัดหายางคอมปาวด์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2553 นี้จะมีการสั่งซื้อยางคอมปาวด์จากประเทศจีนเพิ่มขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตยางพาราอยู่ที่ 3.2 ล้านตันต่อปี ใช้ยางธรรมชาติในประเทศ 10 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นส่งออกในรูปแบบของยางแผ่นรมควันอัดก้อน, ยางแท่งและน้ำยางข้น 60 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการแปรรูปยางคอมปาวด์ วัตถุดิบที่ใช้มียางแผ่นรมควัน, ยางแท่งปัจจุบันตลาดยางคอมปาวด์มีการขยายตลาดเพิ่ม สูงขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในประเทศจีน ทำให้ผู้ประกอบการโรงงานหันมาแปรรูปเป็นยางคอมปาวด์เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับตลาดที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น แต่ในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่ราย ที่มีกำลังการผลิตยางคอมปาวด์ หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ ยางคอมปาวด์มีราคาดีกว่ายางแผ่นรมควัน โดยเฉพาะประเทศจีนจะมีการเก็บภาษีนำเข้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 ส่วนยางคอมปาวด์ไม่มีการเก็บภาษีนำเข้าเป็นระยะเวลา 6 ปี ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจใช้ยางตัวนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิต ประกอบกับรัฐบาลจีนกับประเทศคู่ค้ายาง ได้มีข้อตกลงอาฟต้า ยกเว้นภาษีนำเข้าของจีนให้กับยางคอมปาวด์เพียงอย่างเดียว นอกนั้นจะต้องเสียภาษีนำเข้า 20% บวก Vat อีก 17% ที่สำคัญ ยางคอมปาวด์มีคู่แข่งทางการค้าน้อย จึงเป็นโอกาสดีของผู้ผลิตและส่งออกยางคอมปาวด์ โดยเฉพาะประเทศไทย ทั้งนี้เนื่องจากผู้ประกอบการส่งออกยางคอมปาวด์จะต้องมีใบรับรองจากกรมการค้าต่างประเทศ ที่เรียกกันว่าเอกสารฟอร์มอี เพื่อระบุแหล่งกำเนิดสินค้าจากประเทศไทย ว่าเป็นยางคอมปาวด์ที่ผลิตในประเทศไทยเท่านั้น จึงจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสู่ประเทศจีน ซึ่งนับว่าเป็นช่องทางที่ดีของยางคอมปาวด์ไทย และที่สำคัญจากการให้ความสนใจ ติดตามความคืบหน้าและแนวทางในการดำเนินงานของกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ครั้งนี้ของอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งของแนวทางการเดินหน้าเพื่อการพัฒนาขบวนการผลิตและการส่งเสริมด้านการตลาดให้เพิ่มมากขึ้นสำหรับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ อันจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรมีความเข้มแข็งและมั่นคงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง.
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์