"เกิดเป็นคนให้รู้จักตัวเอง อ่านตัวให้ออก บอกตัวให้ได้ ใช้ตัวให้เป็น นี่คือประโยคเด็ดของ นายผาย สร้อยสระกลาง ปราชญ์เกษตรแห่งแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้พลิกชีวิตของตัวเองด้วยหนึ่งสมองและสองมือของตัวเอง จนประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นที่ยกย่องนับถือของเกษตรกรจำนวนมาก นายผาย เล่าย้อนความหลังว่าจากเพลงกล่อมลูกของแม่ที่ว่าด้วย แม่ไป ไฮ่หมกไข่มาหา แม่ไปนาหมกไข่ปลามาป้อน แม่เลี้ยงหม่อนอยู่ป่าสวนหม่อน เป็นจุดเริ่มต้นในการทำอาชีพเกษตรของตนมาโดยตลอด แม้ที่ผ่านมาจะมีการลอง ผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลานมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยย่อท้อ อีกทั้งยังได้นำแนวคิดจากเพลงกล่อมลูกของแม่นั้นมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาปากท้องของตนเองและชาวบ้าน เพราะเกือบทุกครัวเรือนล้วน ทอผ้า ต่อมาจึงใช้ที่ดินสาธารณะของชุมชน 400 ไร่ พาชาวบ้านปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และยังตั้งกองทุนสวัสดิการบ้านสระคูณ นายผาย เล่าต่ออีกว่า เมื่อปี 2525 สภาพอากาศแล้งจัดทำให้เกิดปัญหาปากท้องในพื้นที่ ตนจึงเกิดความคิดว่าต้องช่วยตัวเองก่อนแล้วจึงกลับมาช่วยชาว บ้าน โดยกู้เงิน ธ.ก.ส.ไปซื้อที่แล้วถางป่าปลูกข้าวโพดต่างอำเภอ ปีแรกได้ราคาดีแต่ผลผลิตไม่ดี ปีที่สองผลผลิตมากแต่ราคาต่ำเพราะไม่มีอำนาจต่อรอง ประสบการณ์ครั้งนั้นสอนบทเรียนให้รู้ว่า ความโลภอยากรวยสร้างหนี้ ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังทำลายครอบครัว สังคม เพราะ การละถิ่นฐาน ตนจึงคิดทบทวนจนรู้ว่ามาผิดทาง และคิดได้ว่าต้องกลับมาตั้งหลัก ที่บ้านเกิด หลังจากกลับมาตั้งหลักที่บ้านเกิดแล้ว จึงได้ตัดสินใจทำการ เกษตรแบบผสมผสาน โดยเริ่มจากการใช้จอบขุดดินปั้นสระน้ำด้วยมือ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ พร้อมกับเลี้ยงปลา ปลูกข้าว ปลูกพืชผัก ผลไม้นานาชนิด เมื่อเวลาผ่านไปจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมาย ซึ่งจากการเริ่มต้นของตนทำให้ปัจจุบันบ้านสระคูณเกือบทุกครอบครัวทำเกษตรผสมผสาน ขุดสระเลี้ยงปลา ปลูกผลไม้ ปลูกผัก ทำนาข้าว เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ในที่นา ทำให้ชาวบ้านลดค่าใช้จ่าย และมีรายได้เสริมอย่าง ต่อเนื่อง แต่ก่อนรัฐไม่ได้ให้พัฒนาคนพัฒนาความคิด มีเงินเท่าไหร่ก็หมด แต่ช่วงหลังรัฐให้เงินมาสอนคนให้รู้ตัวเอง มีที่ดินก็ต้องทำ มีเงินต้องออม ทำบัญชีรายรับรายจ่าย พัฒนาคนให้รู้ตัวเองว่าเป็นใครมีหน้าที่ทำอะไร แล้วก็รักแผ่นดินเกิด ส่วนเราทำให้คนอื่นทำตาม ทำแล้วก็ขยายเครือข่ายไปเรื่อย ๆ เราขยายแนวความคิดมันจะทำให้เกิดความยั่งยืน นายผาย กล่าว ปัจจุบันนายผายหันมาทำเกษตรประณีต เนื่องจากการทำเกษตรประณีตนั้น ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่มากมาย แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น คือ แนวคิดในการทำการเกษตร แนวคิดในการใช้ชีวิต ซึ่งหาก ผู้ปฏิบัติยึดเพียงรูปแบบการทำเกษตรแบบประณีตในแปลง การพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนก็อาจไม่ประสบผล เกษตรประณีตจะสมบูรณ์ต้องประกอบด้วยหลักคิดในการทำการเกษตรผสานกับหลักคิดที่ต้องมีในตัวผู้ปฏิบัติ ความสำคัญในการพัฒนาคนจึงมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการทำให้คนลองใช้ความสามารถกับพื้นที่เล็ก ๆ ก่อน เมื่อมีความชำนาญแล้วก็ขยายไปสู่พื้นที่ที่มากกว่า 1 ไร่ มีการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เมื่อทำไปก็จะพึ่งตนเองได้ ไม่ยากจน และสามารถปลดภาระหนี้สินได้ ...ชาวนาที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความสุข...คือคำอธิบายตัวตนของ นายผาย สร้อยสระกลาง.
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์