ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุด ชี้น้ำมังคุดสารพัดประโยชน์ ผลิตสารต่อต้านเซลล์มะเร็ง ตับเสื่อม ไตวาย เบาหวาน
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย ถนนรัชดาภิเษก ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัยศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำเสนออันตรายจากการบริโภคน้ำมังคุดที่มีต่อสุขภาพนั้น คณะนักวิจัยของศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทยที่ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมังคุดมากว่า 30 ปี จึงขอนำเสนอข้อมูล ความรู้ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มังคุด ผลไม้ไทยที่ได้ชื่อว่าเป็น ราชินีแห่งผลไม้ โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า มังคุดสามารถปรับระดับภูมิคุ้มกันให้สมดุล โดยการลดการหลั่งสาร Interleukin I และ Tumor Necrosis Factor ซึ่งตามหลักวิชาของภูมิคุ้มกัน จะทำให้ลดอาการที่เกี่ยวข้องกับการแพ้ภูมิตัวเองและการอักเสบ เช่น ตับเสื่อม ไตวาย เบาหวาน ข้อเข่าอักเสบ ความดันโลหิต โรคพาร์กินสัน ไทรอยด์เป็นพิษ และความผิดปกติของสมองอันเกิดจากการอักเสบ เป็นต้น
มังคุด ยังเพิ่มการหลั่งสาร Interleukin II ของเม็ดเลือดขาว ซึ่งตามหลักวิชาของภูมิคุ้มกัน จะทำให้ร่างกายสามารถต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น ไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย หรือเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ดีเปลือกมังคุด มีสาร Tannins ในปริมาณมากที่สุด ซึ่งการบริโภคสาร Tannins อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ ไต ซึ่งได้มีการวิจัยและสรุปว่า การบริโภคสาร Tannins ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง จะนำไปสู่การเกิดมะเร็งในร่องแก้ม ในทางเดินอาหารส่วนบน และลดจำนวนของเม็ดเลือดขาวจนทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำลงกว่าปกติ
ทั้งนี้คณะวิจัยได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ผลิตน้ำมังคุดมาตรฐานเพื่อให้เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ใช่เป็นยา โดยไม่ใช้เปลือก ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล สี กลิ่นสังเคราะห์ และสารกันบูด พร้อมควบคุมปริมาณสารที่มีประโยชน์ในเนื้อมังคุดในขบวนการผลิตอย่างมีมาตรฐาน ซึ่งเป็นการช่วยพยุงราคามังคุดที่ตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกมังคุด
โดยปัจจุบัน น้ำมังคุด มีการจำหน่ายอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และส่งออกไปจำหน่ายกว่า 10 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฯลฯ และจะมีวางจำหน่ายในยุโรปในอีก 2 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ดี ขณะนี้สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตรฯ ร่วมกับ Asian Phytoceuticals Public Company Limited ทำการศึกษาการบริโภคน้ำมังคุดดังกล่าว เป็นประจำต่อเนื่องทุกวัน วันละ 300 มล. สำหรับเป็นอาหารของผู้ป่วยมะเร็งขั้นสุดท้าย ซึ่งดำเนินการโดยคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในขณะเดียวกันจะมีการศึกษาควบคู่กันไปในมหาวิทยาลัย ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศ สหรัฐอเมริกา และ ในเครือข่าย ในมหาวิทยาลัยในประเทศอิตาลี โดยโครงการทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ในอีก 12 เดือน สำหรับผู้สนใจข้อมูลเกี่ยวกับ น้ำมังคุด สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ www.mangosteenrd.com เพื่อการบริโภคที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองและคนที่คุณรัก
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์