นายจิตรกร สามประดิษฐ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดงาน เทศกาลบริโภคผลไม้ไทย ปี 2553 ระหว่างวันที่ 16-18 กรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมา ณ ชั้น 1 ลานโปรโมชั่น ห้างสรรพสินค้าเจ เจ มอลล์ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยได้คัดสรรผลไม้คุณภาพดี รสชาติอร่อยและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคมาจำหน่าย ซึ่งเป็นผลผลิตของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรจากจังหวัดภาคใต้ ภาคเหนือและผลไม้ตามฤดูกาลจากจังหวัดอื่น ๆ อาทิ เงาะโรงเรียน มังคุด ทุเรียน ลองกอง สละ มะขามหวาน ส้มโอ ชมพู่ ฝรั่ง มะพร้าวน้ำหอม สับปะรด กล้วยหอม กล้วยเล็บมือนาง ร่วมกับผลไม้แปรรูป เช่น ลำไยอบแห้งสีทอง มังคุดกวน ทุเรียนกวนและน้ำผลไม้อีกด้วย การจัดงานเทศกาลบริโภคผลไม้ไทย ปี 2553 นี้มีเป้าหมายในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รับทราบถึงฤดูกาลผลไม้ของภาคใต้และภาคเหนือ รวมถึงรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนได้บริโภคผลไม้ที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ขณะเดียวกันสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มอาชีพซึ่งเป็นชาวสวนผลไม้ได้มีโอกาสนำผลผลิตของตนเองมาจำหน่ายให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรงและเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดสามารถระบายผลผลิตได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง ด้วยมีผู้สนใจเข้าเที่ยวชมและจับจ่ายซื้อสินค้าจำนวนมาก ขณะเดียวกันภายในงานนอกจากจะมีการจัดจำหน่ายผลไม้สดและแปรรูปแล้ว ก็ยังมีการจำหน่ายพืชผักอินทรีย์จากพื้นที่โครงการหลวง เช่น ลูกพลับ อะโวคาโด เซอเลอรี่ พริกหวาน การจำหน่ายข้าวของสถาบันเกษตรกร ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยด ข้าวกล้อง ข้าวอินทรีย์ และการจัดแสดงนิทรรศการผลไม้พื้นบ้านที่หารับประทานยาก เช่น มะมุด กล้วยหิน มะเม่า ส้มแขก มะม่วงหาวมะนาวโห่ ทุเรียนน้ำ ลูกหวาย ลูกจาก และการจัดประกวดสาวงามธิดาบ้านสวน การแข่งขันกินผลไม้ การแข่งขันงับผลไม้ และจากผลสำเร็จในการจัดงานเทศกาลผลไม้ในครั้งนี้ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์จะนำไปดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้พบกับเกษตรกรในฐานะผู้ผลิตโดยตรง ที่ผ่านมาผลไม้จะส่งออกต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกา แต่ตอนนี้จะเปลี่ยนทิศทางการตลาดโดยมุ่งไปที่ตลาดจีน ตลาดเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากและมีกำลังซื้อสูง ที่สำคัญเกษตรกรสามารถจัดส่งไปจำหน่ายได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งตอนนี้มีพ่อค้าจากประเทศจีน ประเทศเวียดนาม เดินทางมาติดต่อกับสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรที่ขายสินค้าโดยตรงที่สำคัญในปีนี้ผลผลิตของผลไม้ มีปริมาณน้อยเนื่องจากผลกระทบกับสภาพการแปรปรวนของอากาศ ทำให้ผลผลิตโดยเฉลี่ยทั้งหมดมีประมาณ ร้อยละ 30 เท่านั้น ฉะนั้นราคาผลไม้ในปีนี้คงจะสูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เพราะต่างประเทศก็มีความต้องการมากเช่นกัน รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว อย่างไรก็ตามเป็นที่น่ายินดีประการหนึ่งสำหรับวงการผลไม้ไทยในตอนนี้ ก็คือ การที่ผู้ค้าจากประเทศจีนและเวียดนามได้เดินทางเข้าถึงแหล่งผลผลิตโดยตรงหรือแหล่งรวบรวมสินค้าที่มีเกษตรกรเป็นเจ้าของโดยตรงอย่างสหกรณ์นั้น จะเป็นการเพิ่ม รายได้ให้กับเกษตรกรมากยิ่งขึ้น ด้วยไม่ต้องสูญเสียส่วนต่างด้านการจัดการและการตลาดไปยังผู้คนกลุ่มอื่น และเมื่อเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นนอกจากชีวิตจะดีขึ้นแล้วขบวนการพัฒนาด้านการผลิตก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้มาก ยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมาอีกด้วย เพราะเกษตรกร มีทุนเพิ่มขึ้นพร้อมทั้งรับทราบได้ด้วยตนเองว่าตลาดต้องการผลผลิตในคุณภาพอย่างไร นั่นเอง.
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์