ธ.ก.ส.รอคำตอบกฤษฏีกา พร้อมเร่งสอบถามธนาคารอื่นๆ กรณียกหนี้ 50% ให้เกษตรกรผิดกฎหมายหรือไม่
วานนี้ (7 ก.ย.) นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือถึงกระทรวงการคลังให้กลับไปสอบถามธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมโครงการให้ชัดเจนว่า ยังมีธนาคารพาณิชย์อื่นอีกหรือไม่ที่ต้องการปรึกษาในประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกรณีการยกหนี้ 50% เพราะธนาคารที่ร่วมโครงการมีทั้งหมด 4 แห่ง แต่มีเพียงธ.ก.ส. และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เท่านั้นที่ส่งเรื่องมา ยังเหลือธนาคาร กรุงไทย และธนาคารออมสิน โดยให้แต่ละแห่งนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการต่อไป
ธ.ก.ส.ได้นำประเด็นดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมที่มีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังเป็นประธานในการประชุมเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมาแล้ว จึงได้สอบถามเพิ่มเติมในกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 เรื่องการตัดหนี้สูญ ว่าจะต้องอยู่ภายใต้เกณฑ์อะไรบ้าง เพราะการดำเนินการตามมติครม.ในการช่วยเหลือเกษตรกรที่จะยกหนี้ให้ 50% หากสามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ในส่วน 50% แรกได้นั้นว่าเข้าข่ายดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับที่ 186 หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธ.ก.ส. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการกฤษฎีกาในส่วนของหนี้ที่ไม่ได้เข้าข่ายหลักประกัน ซึ่งการใช้บุคคลค้ำประกันก็ถือว่าไม่ใช่หลักทรัพย์ และมีการกู้น้อย จึงดำเนินการได้เลย โดยอยู่ระหว่างการประสานงานกับกองทุนฟื้นฟูฯ เพราะเป็นการทำงานร่วมกัน และกองทุนฟื้นฟูฯ กำลังจัดตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองหนี้ระดับจังหวัดเพื่อมาพิจารณาว่าเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการต้องเป็นเดือดร้อนจริง มีภาระหนักจากหนี้ที่สุจริต และจำเป็น ซึ่งหลังจากที่แต่งตั้งกรรมการเสร็จ พร้อมทั้งคัดเลือกลูกหนี้ได้ และส่งรายชื่อมายังธ.ก.ส. ก็จะดำเนินการได้ทันที คาดว่าน่าจะเป็นเวลาใกล้เคียงกับประเด็นที่สอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกามีความชัดเจน.
ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์